วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บันทึกการเข้าเรียน สัปดาห์ที่15

วันที่13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 (สัปดาห์ที่15)
บันทึกจากการเรียน
 - อาจารย์สอนเรื่องเด็กที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้
 - อาจารย์ให้ดู VDO เรื่องการฝึกทักษะเด็กของศูนย์พิเศษพิบูลย์สงคราม  

 เด็กที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้  (Learning Disorders – LD)              
 การดูแลให้ความช่วยเหลือ
  - สร้างความภูมิใจในตนเองให้เกิดกับเด็ก
  - มองหาจุดดี จุดแข็งของเด็กและให้คำชมอยู่เสมอ
  - ให้การเสริมแรงทางบวก
  - รู้จักลักษณะของเด็กที่เป็นสัญญาณเตือน
  - วางแผนการจัดทำแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็ก
  - สังเกตติดตามความสามารถและมีส่วนร่วมในช้นรียนของเด็ก

 การรักษาด้วยยา
  - Ritalin
  - Dexedrine
  - Cylert

 หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
  - สำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ (สคค)
  - โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์
  - ศูนย์การศึกษาพิเศษ (Early Intervention : EI)
  - โรงเรียนเฉพาะความพิการ
  - สถาบันราชานุกูล

 การสะท้อนตนเอง
 - ทำให้ได้รู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เเล้วทำให้รู้ชื่อและชนิดของตัวยาที่ใช้รักษาเด็กที่มีความบกพร่อง อีกทั้งยังทำให้เรารู้จักหน่วยงานต่างๆที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนเเก่เด็กที่มีความต้องการพิเศษ

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บันทึกการเข้าเรียน สัปดาห์ที่14

วันที่06 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 (สัปดาห์ที่14)
บันทึกจากการเรียน
 - ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากอาจารย์ไปศึกษาดูงานที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเข้าเรียน สัปดาห์ที่13

วันที่30 มกราคม พ.ศ.2557 (สัปดาห์ที่13)
บันทึกจากการเรียน
 - อาจารย์สอนเรื่อง การดูแลรักษาและส่งเสริมพัฒนาการเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

ดาวน์ซินโดรม (Down’s syndrome)
 - รักษาตามอาการ
 - แก้ไขความผิดปกติที่พบร่วมด้วย
 - ให้เด็กสามารถช่วยเหลือ
 - ให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมใกล้เคียงกับเด็กปกติมากที่สุด
 - เน้นการดูแลเบบองค์รวม holistic approach

 1. ด้านสุขภาพอนามัย
     - บิดามารดาให้พาบุตรไปพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มแรก ติดตามการรักษาเป็นระยะ
  2. การส่งเริมพัฒนาการ
     - เด็กกลุมอาการดาวน์สามารถพัฒนาได้ถ้าได้รับการฝึกสอนที่เหมาะสม
  3. การดำรงชีวิตประจำวัน
     - ฝึกให้ช่วยเหลือตนเองได้มากที่สุด
  4. การฟื้นฟูสมรรถภาพ
     - การฟื้นฟูสรรถภาพทางการแพทย์ เช่น การฝึกพูดกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด
     - การฟื้นฟูสรรถภาพทางการศึกษาโดยจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล IEP
     - การฟื้นฟูสรรถภาพทางสังคม เช่น การฝึกทักษะการดำรงชีวิตประจำวัน
     - การฟื้นฟูสรรถภาพทางอาชีพโดยการฝึกอาชีพ

 การดูแลในช่วง 3 เดือนแรก
     - ยอมรับความจริง
     - เด็กกลุมดาวน์มีพัฒนาการเป็นขั้นตอน เช่นเดียวกับเด้กทั่วไป
     - ให้ความรักและความอบอุ่น
     - การตรวจภายใน ตรวจหามะเร็งปากมดลูก และเต้านม
     - การคุมกำเนิดและการทำหมัน
     - การสอนเพศศึกษา
     - ตรวจโรคหัวใจ

 การส่งเสริมพัฒนาการ
     - พัฒนาทักษะด้านต่างๆ เช่นคณิตศาสตร์ และภาษา
     - สามารถปรับตัว และช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น
     - สังคมยอมรับมากขึ้น ไปเรียนรวมหรือเรียนรวมได้
     - ลดปัญหาพฤติกรรม
     - คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถแก้ไขปัญหา และทำงานได้ดีขึ้น

 การสะท้อนตนเอง
     - ทำให้เรารู้เเนวทางในการดูเเลรักษา และการส่งเสริมพัฒนาการให้กับเด็กพิเศษ ทำให้เด็กพิเศษมีพัฒนาการในด้านร่างกายและ พัฒนาการด้านต่างๆให้ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ให้กับเด้กพิเศษให้มีพัฒนาการใกล้เคียงกับเด็กปกติ

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเข้าเรียน สัปดาห์ที่12

วันที่23 มกราคม พ.ศ.2557 (สัปดาห์ที่12)
บันทึกจากการเรียน
 - เพื่อนนำเสนองานเรื่องเด็ก Austitim

เด็ก Austitim
 โรคออทิสติกอยู่ในกลุ่มพีดีดี (Pervasive Developmental Disorders; PDDs) หรือ ความบกพร่องของพัฒนาการแบบรอบด้าน ซึ่งแสดงอาการอย่างชัดเจนในวัยเด็ก ทำให้พัฒนาการทางด้านทางสังคมและภาษาบกพร่อง ไม่เป็นไปตามปกติ มีพฤติกรรม ความสนใจ และกิจกรรมที่ผิดไปจากปกติ

อาการของเด็กในกลุ่มโรคออทิสติก
เมื่อพบว่าเด็กมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ เพราะเด็กเหล่านี้ มีปัญหาสำคัญ 3 ด้าน คือ
1. พัฒนาการทางด้านสังคม
มีความบกพร่องในด้านปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (Social disturbance) ซึ่งถือเป็นความบกพร่องที่รุนแรงที่สุดของกลุ่มโรคออทิสติก ซึ่งเด็กอยู่ในภาวะที่มีพัฒนาการด้านภาษาล่าช้าร่วมกับความบกพร่องด้านสังคม โดยมีพฤติกรรม ความสนใจ หรือทำกิจกรรมที่ซ้ำๆ เช่น เด็กไม่มองหน้า  ไม่มีภาษาท่าทางในการสื่อสาร ไม่เข้าหาพ่อแม่เพื่อชวนเล่น หรืออวดของเล่นไม่เข้ามาแสดงความรักกับพ่อแม่ เช่น การกอด
2. พัฒนาการทางด้านภาษา
มีความผิดปกติด้านภาษาและการสื่อสารเด็กกลุ่มโรคนี้มีความบกพร่องของระดับเชาวน์ปัญญา โดยความสามารถด้านภาษาจะบกพร่องมากกว่าความสามารถด้านการกระทำหรือการเคลื่อนไหว ปฏิเสธหรือตอบรับด้วยการพยักหน้าหรือส่ายหน้าไม่เป็น ส่งเสียงไม่เป็นภาษา เล่นซ้ำๆ เล่นสมมติไม่เป็น หรือเล่นตามจินตนาการไม่ได้ ไม่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ
3. พัฒนาการทางด้านพฤติกรรม
ไม่แสดงท่าทางเลียนแบบ สนใจเพียงบางส่วนของวัตถุ เช่น เล่นแต่ล้อรถ ใบพัด พัดลม เครื่องซักผ้า ติดวัตถุบางประเภท เอาของมาเรียงเป็นแถว ชอบของหมุนๆ มีท่าทางหรือการเคลื่อนไหวซ้ำๆ เช่น สะบัดมือ เล่นมือ หมุนตัว เขย่งเท้า โยกตัว โขกศีรษะ ทำร้ายร่างกายตัวเอง ดูหนังการ์ตูนเรื่องเดิมๆ มีกิจกรรมเดิมซ้ำๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ลำบาก เช่น ฟังเพลงเดิมๆ ดูการ์ตูนเรื่องเดิม ติดของบางอย่างมากเกินไป
    
การวินิจฉัยทางการแพทย์
เมื่อพ่อแม่และคนในครอบครัวพบว่า เด็กมีปัญหาพัฒนาการด้านภาษาล่าช้า ไม่สามารถใช้ภาษาพูดเพื่อการสื่อสารได้ จึงนำเด็กไปพบแพทย์ แพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ และต้องอาศัยเวลาในการติดตามโรคพอสมควร เพื่อดูว่าเด็กมีลักษณะอาการของออทิสติกหรือไม่ และมากน้อยแค่ไหน เพราะโรคออทิสติกเป็นปัญหาทางพฤติกรรม จึงต้องสังเกตพฤติกรรมของเด็กระยะหนึ่ง และพิจารณาจากสภาพแวดล้อมที่เด็กอยู่ว่าเป็นอย่างไร เพื่อดูว่าลักษณะที่เป็นนั้น เกิดจากสภาพแวดล้อมหรือจากตัวเด็ก

การรักษาโรคออทิสติก
กลุ่มโรคออทิสติก ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นเป้าหมายของการรักษา คือ การส่งเสริมพัฒนาการและลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมลง และให้เด็กมีภาวะที่ใกล้เคียงกับเด็กปกติมากที่สุด หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย และต่อเนื่องทำให้ผลการรักษาดี พ่อแม่และคนในครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการดูแลเด็กมาก แพทย์จะให้พ่อแม่ของเด็กเป็นผู้ร่วมรักษาด้วย และแนะนำให้พ่อแม่กลับไปสอนหรือปรับพฤติกรรมเด็กที่บ้านได้ด้วยตัวเอง และนำเด็กกลับมาประเมินผล รวมทั้งรับคำแนะนำใหม่กลับไปปฏิบัติ ปัจจุบันยังไม่มียาที่รักษาอาการออทิสติกโดยตรง แต่เด็กบางคนแพทย์จะให้ยาเพื่อช่วยให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น    

 สรุป
โรคออทิสติก เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต แต่เด็กอาจจะโตเป็นผู้ใหญ่อยู่ในกลุ่ม 1 ใน 3 ที่สามารถดูแลช่วยเหลือตนเองได้ และมีโอกาสที่จะอยู่ในกลุ่ม 1 - 2% ของผู้ป่วยโรคนี้ ที่สามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติ แต่จะต้องมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น เด็กมีระดับไอคิวมากกว่า 70 หรือไม่มีภาวะปัญญาอ่อนร่วม เด็กสามารถพูดสื่อสารได้ก่อนอายุ 5 ปี และไม่มีความผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย เช่น อาการชัก เป็นต้น

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า เด็กได้รับการวินิจฉัยและการรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับความเอาใจใส่จากพ่อแม่และครอบครัว ก็จะทำให้เด็กมีโอกาสพัฒนาได้มากกว่าการรักษาเมื่ออายุมากขึ้น

การสะท้อนตนเอง
 - ทำให้เรารู้พฤติกรรมของเด็กออทิสติกมากขึ้น ทำให้เราได้รู้เเนวทางในการรับมือ และแนวทางในการดูเเลช่วยเหลือเด็กที่เป็นออทิสติก อนาคตข้างหน้าถ้าเราได้เจอกับเด็กที่เป็นโรคออทิสติกเราจะได้นำความรู้ที่ได้จากการเรียนไปปรับใช้และช่วยเหลือเด็กได้ถูกวิธี

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเข้าเรียน สัปดาห์ที่11

วันที่16 มกราคม พ.ศ.2557 (สัปดาห์ที่11)
บันทึกจากการเรียน
  - ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากมีสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง   
  อาจารย์มอบหมายงานให้นักศึกษาหางานวิจัยเกี่ยวกับเด็กพิเศษเเละให้สรุปส่งโดยมีหัวข้อดังนี้
      1. ชื่องานวิจัย/ชื่อผู้วิจัย/มหาวิทยาลัย
2. ความสำคัญและความเป็นมาของงานวิจัย 3. วัตถุประสงค์ของการวิจัย 4. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย 5. นิยามศัพท์เฉพาะ 6. ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง 7. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 8. การดำเนินการวิจัย 9. สรุปผลการวิจัย 10. ความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่องานวิจัยชิ้นนี้

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเข้าเรียน สัปดาห์ที่10

วันที่9 มกราคม พ.ศ.2557 (สัปดาห์ที่10)
บันทึกจากการเรียน
 - อาจารย์บอกแนวข้อสอบ
 - นำเสนองานที่อาจารย์มอบหมาย
      กลุ่มที่1 นำเสนอเรื่องเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disorders – LD)
      กลุ่มที่2 นำเสนอเรื่องเด็กสมองพิการ (Cerebral Palsy) 
          กลุ่มที่3 นำเสนอเรื่องเด็กสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder หรือ ADHD)
     กลุ่มที่4 นำเสนอเรื่องดาวน์ซินโดรม (Down’s syndrome)
 - อาจารย์ให้นักศึกษาทำเเบบทดสอบ Gesell Drawing Test

 เเนวทางในการดูเเลรักษาเด็กที่มีความบกพร่อง
     - หาสาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
     - การตรวจค้นหาความผิดปกติ
     - การรักษาสาเหตุโดยตรง
     - การส่งเสริมพัฒนาการ
     - ให้คำปรึกษากับผู้ปกครอง
 ขั้นตอนในการดูแลเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
     1. ตรวจคัดกรองพัฒนาการ
     2. การตรวจประเมินพัฒนาการ
     3. การตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุ
     4. การให้การรักษาและส่งเสริมพัฒนาการ
     5. การติดตามเเละประเมินผลการรักษาเป็นระยะ
 การสะท้อนตนเอง
     - ทำให้ได้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กพิเศษในด้านต่างๆมากขึ้นและทำให้เราได้รู้วิธีการรักษาเเละวิธีการในการดูเเลเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเข้าเรียน สัปดาห์ที่9

วันที่2 มกราคม พ.ศ.2557 (สัปดาห์ที่9)
บันทึกจากการเรียน
 - ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากเป็นวันหยุดเทศกาลวันปีใหม่